รีวิวซีรี่ย์: Fateful Love ลิขิตรักสองนครา
สิ้นสุดการรอคอยซีรี่ย์ฟอร์มยักษ์แนวโรแมนติก,Wuxia,แฟนตาซี, ดราม่า อิงประวัติศาสตร์ ที่มีการดัดแปลงมาจากนวนิยายสุดโด่งดังของ “เหมาเสี่ยวเหมา” สู่ฉบับซีรี่ย์ที่มีชื่อว่า “Fateful Love ลิขิตรักสองนครา” โดยผู้กำกับชาวจีนอย่าง “เฉิงหยวนไห่” เป็นผู้ถ่ายทอดผลงานเรื่องนี้ โดยมีการออนแอร์บนเครือข่าย WeTV ของประเทศจีนกันไปแล้ว และวันนี้ความสนุก มันส์ เข้มข้นได้เดินทางมาถึงบ้านเรากันแล้วบอกเลยว่างานนี้แฟนๆชาวไทยต่างเฝ้ารอกันอย่างท่วมท้นเรียกว่าเป็นการส่งท้ายเดือนสิงหาคมได้อย่างสวยงามกันเลยทีเดียวเพราะจะเข้าฉายอย่างเป็นทางการพร้อมกับซับไทยในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 นี้เป็นต้นไปห้ามพลาด
สำหรับคู่พระนางที่จะมารับบทนำของเรื่องได้แก่ “จางฮั่น” พระเอกรุ่นใหญ่ที่หวนคืนหน้าจอมาประกบคู่กับนักแสดงสาวสวยมากฝีมืออย่าง “จูซวี่ตัน” ที่เคยสร้างผลงานในซีรี่ย์โรแมนติกปัจจุบันในเรื่อง “โปรแกรมเมอร์ที่รัก” ซึ่งหากว่าใครที่รอชมผลงานของทั้งคู่กันอยู่ถือว่านี้คือข่าวดีของแฟนๆกันเลย ซึ่งนอกจากคู่หลักแล้วก็ยังมีนักแสดงปังๆอีกมากมมายที่มาสร้างความสนุกในครั้งนี้ด้วยอาทิ เหยาฉือ, ไห่หลิง, เริ่นซื่อหาว ,หวังฮ่าวเสียง,ลั่วซือฉี,เผิงหย่าฉี และ หลี่อวี่เซวียน เป็นต้น และหากใครกำลังตามหาซีรี่ย์พล็อตยาวๆแต่ไม่น่าเบื่อออกแนวเทพเซียนที่ฉากแอ็คชั่น แฟนตาซีดูแล้วยิ่งใหญ่ตระการตาสมจริงต้องดูเรื่องนี้เลย สามารถรับชมทั้ง 40 ตอนผ่านช่องทางการอัพเดตได้ที่ 430HD.COM
เรื่องย่อซีรี่ย์: Fateful Love ลิขิตรักสองนครา
หญิงสาวผู้งดงามอย่าง “หานจื่อฉิง” เธอคือลูกสาวนอกสมรสที่เกิดจากอัครมหาเสนาบดีแต่ทว่ากลับต้องปิดบังตัวตนของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงจากอันตรายรอบด้านแม้ว่าเธอจะระวังตัวแค่ใหนแต่ก็ฝืนชะตากรรมไปไม่ได้เมื่อ “จวินเป่ยเยว่” เทพสงครามแห่งต้าโจวผู้ลือเลื่องที่มีนิสัยเยือกเย็นอำมะหิต ได้เลือดเธอเข้าไปเป็นนางสนมคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิดซึ่งสถานการณ์ในวังตอนนี้ได้เกิดความวุ่นวายระหว่างแคว้นขึ้นทำให้เขาอยากได้ตัวของ “หานจื่อฉิง” ที่มีสายเลือดของบิดาผู้มีตำแหน่งใหญ่โตแม้ว่าจะไม่ใช่ลูกในสมรสก็ตาม หลังจากพวกเขาแต่งงานกัน “หานจื่อฉิง” ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะถูกดึงเข้าไปพัวพันในการแย่งชิงบัลลังก์แห่งอำนาจพร้อมกับความรักที่ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสองคนโดยไม่รู้ตัว ไปดูกันว่าพวกเขาจะช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งได้หรือไม่ใน “ลิขิตรักสองนครา”